top of page
ค้นหา

TAIWAN WE HERE !! - Chapter One -

  • รูปภาพนักเขียน: Changtaluy.Kim
    Changtaluy.Kim
  • 22 เม.ย. 2563
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 12 ธ.ค. 2563


วันที่ 12.12.2019 เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่เราไปไต้หวันด้วยกัน เราไม่ได้จำได้หรอกแต่ Memories Facebook มันเด้งขึ้นมา.. จริงๆแล้วในหลายๆเรื่องต้องขอบคุณให้ฟังค์ชั่นอันนี้ที่ทำให้เราจำเรื่องราวต่างๆได้.. เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบนี่แหล่ะ เราก็เลยนึกคึกอยากจะเขียนลง Blog ขึ้นมาซะงั้น

ree
Sun Moon Lake TaiChung City, Taiwan

โอกินาว่าไม่ได้ไป ไต้หวันมาแทน แต่ทริปเกือบล่มเพราะเจ่แพรเจอมรสุมใหญ่ !

จริงๆแล้วไต้หวันไม่ได้อยู่ในตัวเลือกของเราตอนนั้น.. แต่เราเจอโปรตั๋วเครื่องบินราคาถูกจากสายการบินที่ให้ความรู้สึกพาสเทล ที่บินไปยัง โอกินาว่า, ประเทศญี่ปุ่น แต่เราดันซิ่วเพราะจองแล้วจะไปสู่ขั้นตอนจ่ายเงินยังไง ? ก็ไม่สามารถทำรายการได้ เราก็เลยเปลี่ยนแผนมาเป็นไต้หวัน เพราะค่าเงินและค่าใช้จ่ายในทริปไม่แพงเกินไป (อยากเที่ยวก็ต้อง #Saveตัวเอง ด้วย) เจ้าเด็กโอ้นหรือเจ้านัทเนี่ยเขาเป็นคนดำเนินการให้ทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่พักตั่งต่าง หลังจากที่จ่ายเงินไปกับทุกอย่างแล้ว.. เราดันเจอกับมรสุมใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ก็เห็นว่าท่าจะไม่ดีแต่ก็ยังไว้ใหญ่พายุลูกนั้นที่อยู่ไกลริบๆ ว่ายังไม่เข้ามาแน่นอน แต่สุดท้ายพายุพัดเข้าบ้านแบบโหมกระหน่ำแบบที่เซไปเกือบหลายเดือน นั่นคือ "คุณแม่ของแพรเสีย" ตอนแรกเราจะทิ้งตั๋วทุกอย่าง แต่ดูจากวันที่จะไปแล้วก็เสร็จสิ้นงานศพแม่พอดี เลยคิดเอาตัวเองไปรักษาที่ไต้หวันดีกว่า เพราะถึงอยู่ที่นี่ไปก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวทั้งตอนกลางคืนและกลางวันได้อยู่ดี


ree
นัดกัน 4 โมงเย็นไม่มีอยู่จริง !


"ถ้าความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน ความทุกข์ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เช่นกัน ; ) "






ยังไม่ถึงก็วุ่นวายกันสุดๆ ท้องอิ่มนั่นแหล่ะ "ความสงบของเรา"

เราขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางในวันที่ 12.12.2019 เวลา 19:00 น. พี่โย่งมาถึงสนามบินก่อนคนแรกตามด้วยแพรเป็นคนที่สอง และแน่นอนแม้ว่าจะกินข้าว กินกาแฟ เดินเล่นในสนามบินแล้ว เจ้านัทกับเจ้าม๊อบก็ยังไม่มา ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เจ้านัทน่าจะชอบวิ่งเข้า Gate แบบ Final Call (==*

ทริปนี้เรามาทั้งหมด 4 คน หลังจากที่สมาชิกครบแล้ว เราก็เดินเข้า Gate กันแบบชิวๆแถมช็อปปิ้งของใน Duty Free สำหรับสิ่งที่จำเป็นของพวกเราทั้งหมดด้วย ระหว่างที่นั่งรอใครจะไปรู้ว่าเจ้านัทมันยัดบะหมี่แห้งลงในกระเป๋าเปิดนั่งกินสบายใจระหว่างรอขึ้นเครื่องกันล่ะ !!

ถึงแม้จะขึ้นเครื่องแล้วก็ใช่ว่าจะหยุดความวุ่นวายของพวกเราได้ ไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหนมาถึงได้ดีดกันขนาดนั้นอ่ะ แต่ที่แน่ๆของความวุ่นวายคือ เราหิวข้าว !! เราจำได้ตอนที่จองเราบอกเจ้านัทว่าไม่ต้องจองอาหารหรอก เพราะขึ้นไปก็หลับสบายๆ บิน 4-5 ชม. ชิวๆ ไม่ค่ะ !! ไม่มีอยู่จริง ! หลังจากที่เราอิ่มท้องนั่นแหล่ะค่ะ ที่ความสงบเกิดขึ้นบนแถวที่นั่งของเรา

ถึงแล้วไต้หวัน !! ชานมฉันอยู่ไหน !

ไม่คิดว่าการนั่งเครื่อง 4-5 ชม. จะมีระยะยาวนานขนาดนี้หรือเป็นเพราะเราตื่นเต้นกันนะ จริงๆเพราะทริปนี้ทำให้ลืมไปเลยว่าก่อนที่เราจะมาที่นี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง

กว่าจะผ่านตม. มาได้ไม่ใช่เพราะพวกเราทรงโจรหรอกนะ เพราะคนที่เยอะมากมายก่ายกองตังหาก ตั้งแต่สนามบินดอนเมือง จนถึงสนามบินเถาหยวนทำให้เรารู้ว่าความวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะจบ ทริปนี้แน่นอน เพราะหลังจากที่เราผ่าน ตม. ออกมาเพื่อเคลียร์ตัวเองกันก่อนว่าเราจะเอายังไงดี เจ้าแพรหิว เจ้านัทอยากเข้าห้องน้ำ เจ้าม๊อบเดินคุยโทรศัพท์หายไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนพี่โย่งตั้งสติอยู่ จนกระทั่งมาเจอมินิมาร์ทที่บรรเทาความหิวของเราลงและลดความวุ่นวายชั่วคราว แต่ก่อนที่เราจะเริ่มแผนต่อไปเจ้านัทก็ยังคงหาห้องอาบน้ำที่เปิดเจอในอินเตอร์เนตว่ามีแน่นอน เดินเข้าเดินออกในเขตพื้นที่สนามบินจนเราพบว่าไม่มีห้องอาบน้ำอยู่ฝั่งขาเข้า มีเพียงฝั่งขาออกเท่านั้น

เราที่อยู่ กทม.ไม่เคยสัมผัสความเย็นพอได้สัมผัสก็รู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่จะเดินเข้าเดินออกแบบนี้จะไข้กินตั้งแต่วันแรกเลยหรือเปล่านะ !

ree
ก็ถ้าไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ใช่พวกเราสินะ

เพราะเป็นพวกเราหรือเปล่านะ ? ถึงได้อลเวงกันขนาดนี้ ระหว่างที่นั่งตัดสินใจว่าเราจะนั่งรถบัสเข้าตัวเมืองไปลงที่ Taipei Main Station เพื่อรอรถไฟ Express ที่เราจองตั๋วไว้ในวันพรุ่งนี้เดินทางไปยัง Sun Moon Lake ที่อยู่ในเมืองไทจง เพราะจุดหมายปลายทางของเราในวันพรุ่งนี้คือการได้ไปนอนที่ไทจง 1 คืน ก่อนจะกลับมาปักหลักอยู่ที่เมืองไทเปจนวันกลับ

แต่โชคชะตาไม่ทำให้เราเที่ยวได้ง่ายขนาดนั้นหรอก เพราะทาง Agoda โทรมาว่าตัดเงินผ่านบัตรที่จะพักที่ไทเปไม่ได้ และ Cancle Booking ของเรา หายนะมาถึงเมื่อ Agoda ไม่ได้ช่วยอะไร ที่พักของเราก็ไม่รับสาย ! พวกเราตัดสินใจนั่งรถบัสออกจากสนามเถาหยวน (ได้ออกสักที) เพื่อไปเจรจากับทางโรงแรมโดยตรง ! เพราะรถบัสสิ้นสุดที่ Taipei main station และเราก็ไม่อยาก ไม่ใช่สิ (==* เราไม่นั่งแท๊กซี่ เพราะเปิดดูใน Map แล้วเดินแค่ไม่กี่กิโลก็จะถึงโรงแรมของเราที่ซีเหมินติ้งแล้ว ใช่ค่ะ ! เวลาเกือบตีสาม เรา 4 คนเดินลาก กระเป๋าในตัวเมืองไทเปไปมา เพื่อได้พบกับคำว่า "อ๋อ.. ถึง Agoda จะ Cancle ไปทางเราก็ยัง Booking ให้อยู่ดีครับ" โฮ ! ลี่ ! ชีสส ! ถ้ารับโทรศัพท์ตั้งแต่แรกฉันคงไม่ลากสังขารมาเป็นกิโลเพื่อมาฟังคำนี้หรอกย่ะ ! แล้วไงอ่ะ เฟ้งฟ้างเลยทีนี้

ree
สูตรที่ 5 : Star Fruit สู๊ดดดดยอดดดด
ree
นั่นของขวัญวันเกิด ! จับได้เองด้วย เก่งมาก !!

คลาสปรุงยา (นอกเวลา) นอกห้องเรียนของศาสตราจารย์ สเนป ณ ซีเหมินติ่ง

เราจะทำการปรุง "ยาแห่งความสุข" โดยเริ่มจากส่วนผสมหลักคือ ของเหลวสีใสกลิ่นแอ๊ปเปิ้ลแต่มีฤทธิ์ร้อนแรง มาพร้อมกับส่วนผสมรองต่างๆ ที่เราคัดสรรกันมาเพื่อให้การปรุงยาตัวใหม่มีฤทธิ์ที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ของเหลวสีใสรสชาติซูซ่า, แอ๊ปเปิ้ลที่ได้มาจากต้นเดียวกันของอดัมกับอีฟ, ผลส้มจากแผ่นดินชานม จนสุดท้ายมาจบที่ ผลดวงดาวที่ทำให้ดึงดาวลงมาอยู่ในหม้อปรุงยา ขณะที่กำลังดื่มด่ำกับน้ำยาที่ปรุงนั้น..

พี่โย่งหันมาถามเราว่า.. : วันนี้วันเกิดพี่นะ : ก็นี่ไง ฉลองอยู่นี่ไง : แค่เนี๊ยะ ? ไม่มีเค้กให้เป๋าหรอ : ไม่มีอ่ะ นี่ไงเดี๋ยวจุดไฟแชทให้ละเป่านะ

เพราะผลจากการปรุงยาทำให้เราทำให้ท่ามกลางอากาศหนาวๆนอกห้องเรียน มีเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม เพิ่มอีกแล้ว.. สรุปผลการเรียนคลาสปรุงยานี้เราผ่านกันทุกคน ; )





หลังจากที่เราเรียนจบครบหลักสูตร.. เราเก็บข้าวของและเดินเล่นภายในรอบๆตัวเมืองตอนตีห้าได้ เราเริ่มเห็นคนออกมาตั้งร้าน ทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่ส่าง แต่อาจจะเป็นเพราะเราที่ดื่มน้ำยาแห่งความสุขมากเกินไปทำให้เราต้องหาที่ปลดทุกข์เบาของเรา เราใช้การสื่อสารแบบสมัยใหม่เป็นเทคโนโลยีนำเขาที่เรียกว่า Translate (ใช้คำยาวเพื่ออ) ขอความเห็นใจให้เราใช้ห้องน้ำเพราะตอนนี้สถานีรถไฟก็ยังไม่เปิด แต่ถ้าจะให้เรารอสถานีเปิดเขื่อนที่พยายามกั้นอยู่คงแตกแน่นอน และแน่นอนโลกของเราไม่สิ้นคนดีมีน้ำใจ คุณลุงที่กำลังเข็นรถเพื่อเตรียมการขายของพาเราไปของเข้าห้องน้ำของโรงหนังที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น พวกเราขอบคุณคุณลุงเป็นการใหญ่ แต่ใครจะรู้ว่าสุกี้น้ำที่ไต้หวันก็ดุไม่แพ้ที่ไทยเลยนะ เราไม่ได้กลัวเราแค่กลัวการสื่อสารคาดเคลื่อนและไม่เข้าใจกัน..

ree
สถานีซีเหมินติง ตอนเกือบจะหกโมงเช้า

ไทเป มุ่งสู่ ไทจง

เช้าของวันที่ 13.12.2019 พวกเรากำลังจะเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง THSR เพื่อเดินทางจากไทเปเข้าสู่ไทจง และจุดหมายของเราวันนี้อยู่ที่ Sun Moon Lake เราอยากเพลิดเพลินกับธรรมชาติแต่เราไม่ได้คิดแพลนสำรองเพื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดและทำให้ความเพลิดเพลินของเราลดลงหรือเปล่า ? เพราะหลังจากที่เรานั่งรถไฟความเร็วสูง THSR มาถึงไทจงแล้ว แพลนแรกของเราคือเอากระเป๋าเข้าที่พักก่อน แต่ดูไปดูมาระยะทางจากสถานีสู่ที่พักของเรานั้นไกลเป็น 10 กิโลเมตร ทำให้เราต้องเปลี่ยนแพลนไป Sun Moon Lake เลย

โดยที่พวกเราต้องซักแห้งกันที่สถานนีไทจงนี้แหล่ะ เราแยกย้ายเปิดกระเป๋านำของใช้ส่วนตัวของเราออกมาเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดเล็กน้อยและเอาซูซิที่เราซื้อจากไทเปออกมานั่งกิน ส่วนพี่โย่งดีลซื้อตั๋วสำหรับไป Sun Moon lake ให้เรา

ตั๋วไป Sun Mook Lake ที่เหมือนกับใบประกาศนียบัตร พี่โย่งว่างั้นอ่ะ พาเราขึ้นรถบัสและใช้เวลาถึง 2 ชม. ในการเดินทางมาที่จุดหมาย และ ใช้เวลาอีก 15 นาทีเพื่อพาเราข้ามฟากมาถึงร้านไข่ต้มใบชา เจ้าแรกเจ้าต้นตำรับเดิม ขอบอกว่าอร่อยมากๆ กลิ่นใบชาหอมสุดเขาเก็บรสชาติได้ดีและงานเนียนกริบจริงๆ ที่บอกเพราะว่าเราจะเจอเจ้าไข่ต้มใบชานี้ตามมินิมาร์ทต่างๆในไต้หวัน แต่ไม่ได้อร่อยและหอมเท่าของแท้ต้นตำรับเท่านั้นเอง

การเดินทางระหว่างอยู่ที่ Sun Moon Lake เริ่มช้าลง เสียงหัวเราะและรอยยิ้มก็ยังคงมีตลอดแต่เริ่มเบาลง เป็นเพราะว่าเราเหนื่อยจากการเดินทาง และเราก็ยังไม่ได้นอนเป็นจริงเป็นจังมีเพียงตอนขึ้นเครื่องมา ตอนนั่นรถไฟความเร็วสูง THSR และ ตอนที่นั่งรสบัสมาที่ทำให้เรานอนหลับได้สักพัก และระยะทางที่เราเดินกันมาโดยรวมๆเพียงแค่วันแรกเราก็เดินกันเกือบ 20-30 กิโลแล้ว

จากท่าเรือของร้านไข่ต้มใบช้า เราเดินทางโดยเรือมาดรอปที่อีกท่าเรือ อืมม..เรียกว่าท่าเรือกบละกัน เพราะเห็นจากรูปปั้นกบที่ตั้งเรียงรายมีรอยยิ้มน่ารักๆส่งให้เราที่ตั้งแต่ขึ้นท่าเรือ ในท่าเรือนี้คือจุดที่เราจะไปขึ้นกระเช้ากัน แต่ก็นั่นแหล่ะ..กว่าจะไปถึงสถานีขึ้นกระเช้า เราก็ต้องเดินกันอีกนั่นแหล่ะ

เป็นเพราะท่าเรือนี้มีคนเยอะเลยครึกครื้นทำให้พวกเราตื่นตัวอีกครั้ง เดินชมตลาด เดินดูของตั่งต่าง แวะจับตุ๊กตาที่มีเสียงร้องเรียกออกมาจากในตู้ให้เราได้ใช้บริการ เห็นมีประชาชนต่อแถวกันเยอะๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูเป็นเหมือนซาลาเปาทอด มองไปที่ใส้ทำไมผักเยอะจังน้าา.. แต่ก็เอาเต๊อะเห็นคนเยอะและอยากลองด้วย สั่งมา 1 ชิ้น อห. ลูกเบ้อเริ่มจะกินหมดยังไงอ่ะ ? ต่อจากซาลาเปาก็แวะซื้อชานมหน่อย รู้สึกระหายน้ำ รสชาติชานมละมุนลิ้นไม่หวานมากจนเกินไป สมแล้วที่เป็นประเทศแห่งชานม ! ทั้งหมดนี้เป็นระหว่างทางที่เราต้องเดินผ่านไปยังสถานีกระเช้าลอยฟ้า

จนกระทั่งมาถึงสถานีกระเช้าลอยฟ้า เราหันมองหน้าทุกคนก็ยังเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่เปื้อนอยู่บนใบหน้า (มั้งนะ) เพราะถ้าเราไม่ตาลายเพราะปวดขามากจนเกินไปเราก็เห็นแบบนั้นจริงๆ

กระเช้าลอยฟ้ามีให้เลือก 2 แบบ เป็นแบบทึบและแบบใส แน่นอนเราเดินทางมาถึงขนาดนี้จะให้ขึ้นแบบทึบได้ไง ? แต่ด้วยความซนของเหล่าลิงอ่ะโน๊ะ โดยเฉพาะเจ้าเด็กโอ้นนั่น ที่ขยับโยกไปมากขึ้นเจ้าหน้าที่โฟนใส่ไมค์ว่าให้ "อยู่เฉยๆเดี๋ยวนี้นะ ! มันอันตรายว๊อย"

การได้นั่งกระเช้าลอยฟ้าเหมือนเป็นการพักผ่อนช่วงเวลาหนึ่งที่นั่งมองดูวิว ภูเขา และ ทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้จะเหนื่อย แต่อดไม่ได้ที่จะพูดว่าวิวตรงหน้ามันสวยจริงๆ นี่มันเป็นวิวหลักล้านเลยก็ว่าได้ ; )

พอใกล้บ่ายคล้อยเราก็เดินทางกลับโดยนั่งเรือข้ามกลับมาที่ฟากเดิม และเดินไปขึ้นรถบัสที่สถานีไทจงที่เดิมที่เราจากมา แต่ก็นั่นแหล่ะแค่นั่งรถบัสกลับคงไม่มีอะไรมีพลิกผันเวลาการเดินทางของเราหรอก ไม่จ๊ะ !! ไม่จบ !! ยังไม่พอจ๊ะ !! หลังจากที่เราขึ้นรถบัสและเราเช็คด้วยความชัวร์แล้วว่ารถบัสคันนี้จะพาเราไปสู่สถานีไทจงอย่างปลอดภัย หลังจากที่เราสบายใจด้วยความเหนื่อยล้าทำให้เราหลับไป

แพรสะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุแพรหันไปมองพี่โย่งที่นั่งอยู่ข้างเรามีท่าทีกังวล แพรเลยถามไปว่าเป็นอะไร ? พี่โย่งตอบมาว่าดูเหมือนว่าเราจะออกมานอกเมืองนะ เรามองซ้ายมองขวา เออ..วะ ! ครั้งที่แล้วที่แพรมามันไม่ได้มาทางนี้นี่หว่า.. เราเห็นมีผู้โดยสายลงที่ป้ายสถานีในตัวเมืองอีกเมืองและรถค่อยๆออกมาจากเมือง เราคิดกันว่าน่าจะอ้อมมาส่งผู้โดยสารอาจเป็นเพราะว่าเที่ยวสุดท้ายแล้วหรือเปล่า ? แต่ระยะทางก็ไกลและรถบนถนนก็เริ่มติด ยังไม่พอคนขับที่อารมณ์สุนทรีคือเปิดหน้าต่างรถด้วย สูบบุหรี่ด้วย เราไม่ได้แพ้กลิ่นบุหรี่แต่เรานั่งใกล้พื้นที่คนขับเราจะบอกว่า "กูหนาวโวยยย" เราเริ่มมีความกังวลว่าจริงๆแล้วรถบัสคันนี้จะพาเราไปที่ไหน ? ความกังวลเราเริ่มลดไปนิดนึงตอนเราเปิด Map และรถบัสพาเรากลับเส้นทางเดิมเพื่อพาเราไปส่งที่สถานีไทจง แต่เราเหมือนต้องเสียเวลาเพิ่มไปอีกชั่วโมงกว่าเลยกว่าจะถึงที่หมาย

เจ้ากระเป๋าที่รอคอย Uber เหมือนเจ้าของแหล่ะ

แต่เหมือนไอ้เจ้าการเดินทางเนี่ยจะไม่ยอมให้ส่วนลดสำหรับอุปสรรคของเราเลย (ขี้เหนียวจัง) เพราะเมื่อพวกเราถึงสถานีไทจง ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้กับตู้ล็อคเกอร์แล้ว ด้วยการเดินทางที่ทำให้เราเพลียมากเราเลือกที่จะเรียกแท๊กซี่ แต่พอหันไปดูแถวสำหรับขึ้นแท๊กซี่ก็ยาวซะเหลือเกิน เราเลยตัดสินใจขึ้น Uber แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เราใช้ความพยายามจะการสื่อสารกับ Uber แต่ก็ไม่เข้าใจถึงแม้จะอยู่ใกล้กันแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเราก็ไม่สามารถเดินร่วมทางกันได้ ก็เหมือนความรักนั่นแหล่ะ ชิ !

พวกเราหมดความพยายามและหันกลับมาใช้ รถบัสในการเดินทางเข้าเมือง แน่นอนมันค่อนข้างวุ่นวายเพราะว่าเรากำลังหารถบัสที่เหมาะสมกับเราและพาเราไปใกล้จุดหมายมากที่สุด ใช้เวลาสักพักเราก็ได้รถบัสที่ถูกคันและพาเราไปถึงที่หมาย


"จะออกไปแตะขอบฟ้า แต่เหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าใจ"


แต่อุปสรรคก็ไม่จบแค่นั้นหรอกค่ะ เพราะกว่าเราจะขึ้นรถบัส คนเยอะ รถติด และ ความหิว ไอ้ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้ทำให้งอแงมากขนาดเท่า "ไอ้ต้าวความหิว" แพรจำได้ว่าขณะอยู่บนรถบัสหน้านิ่วคิ้วขมวด ผูกเป็นโบว์ได้เลยเพราะความหิวมาเยือนแล้ว แต่ในขณะที่แพรไม่สบอารมณ์เห็นเจ้านัทกับพี่โย่งแทรกตัวเข้าไปนั่งเบาะด้านในได้และชวนผู้ชายวันทำงานชาวไต้หวันคุยระหว่างทาง ส่งเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊ก และหันมาคุยกับเราทางสายตา หึ ! สนุกกันมากไหม ?

เราใช้เวลาสักพักที่รถบัสพาเรามาถึงป้ายสถานีที่เราต้องการ เดินไปอีกไม่กี่กม. ก็จะถึงที่พักของเราในคืนนี้ถึง ณ ตรงนี้เราบอกเลยว่าที่พักที่เสียตังไป มีให้เรานอนยังไม่ครบ 5 ชม. เลย

พวกเราเช็คอินที่พักและทยอยกันอาบน้ำทำธุระส่วนตัว เอาของออกจากกระเป๋า เอาลำโพงพกพาออกมาเปิดเพลงฟัง เรามีเสียงบ่นถึงเรื่องที่เราเจอกันมาภายในวันนี้บ้าง แต่ก็ยังคุยด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนเดิม ดีตรงนี้แหล่ะ

ree
เจ้านัทบอกว่ากินชาบูอะลาคลาสยังไงให้เป็นบัฟเฟ่ต์

หลังจากที่เราอาบน้ำทำธุระกันเสร็จเรียบร้อย เจ้านัทก็พาเรามาที่ร้านชาบูที่เรียกได้ว่า ถูก อร่อย และ ดี ในไทจง ดูเหมือนว่าจะมีสาขาเฉพาะในไทจงด้วยนะ เปิด 24 ชม. (ใช้อ่ะเปล่าหว่า)

เราที่ไม่รู้ว่าการสั่งน้ำซุปนั้นเขามีทุกอย่างให้อยู่แล้วในหม้อ เราไปสั่งอย่างอื่นซะมากมายด้วยความหิวอ่ะแหล่ะ สั่งจนพนักงานไปตามเจ้าของร้านมารับออเดอร์จากพวกเรากันเลยทีเดียว 55555 เราใช้เวลาในการดื่มด่ำรสชาติของชาบู จนกระทั่งมันแน่นและไม่สามารถเอาอะไรเข้าไปในกระเพาะของเราอีกได้ เมื่อเช็คบิลออกมายิ่งช็อคมากกว่าเดิมเพราะทั้งหมดพอหารกันแล้วถูกมากเกินไป๊ !! น่าจะคนละ 300 ได้มั้ง

หลังจากที่เรากินชาบูกันเสร็จเรียบร้อยก็มาเดินเล่นแถวตลาดใกล้ที่พักของเราที่ชื่อว่า "ตลาดอี้จงเจีย"

พากันมาเดินตลาดเห็นของกินก็อยากกิน แต่กินไม่ลงแล้วเพราะตอนนี้กระเพาะเต็มไปด้วยชาบูจากร้านเมื่อกี้ที่เพิ่งผ่านมา เรามาเสียหลักให้กับตู้หยอดตุ๊กตาถึงหลายคร้งหลายครา และแพรมักจะเสียตังให้กับอะไรอย่าง ตู้ถ่ายรูปสติกเกอร์แบบนี้เสอมๆ แพ้ทางแล่ะ ดูจากทรงแล้ว (^___^)

หลังจากที่เดินเล่นกันเรื่อยๆมาก็ถึงช่วงเวลาที่ต้องเข้าคลาสปรุงยากับศาสตราจารย์สเนป อีกแล้วล่ะสิ เราเห็นนักเรียนหลายๆคนไม่ชอบคลาสนี้เท่าไหร่ แต่บอกเลยนะว่าพวกเราน่ะชอบมาก !! คลาสนี้กินเวลาของพวกเรานานทีเดียวกว่าจะปรุงยาเสร็จก็ล่อกันไปเกือบจะเช้าแหน่ะ นี่เราลืมอะไรกันไปหรือเปล่าว่าเรายังไม่ได้นอนกันเลยนะ !!!

ree
คลาสวิชาปรุงยาที่ทำให้เราตาสว่าง ; )
"ก็ใครต่อใครน่ะเค้าคู่กัน บอกรักสัมพันธ์จู่จี๋ ส่วนฉันต้องอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีตัวเธอมาจาวเจี๊ยว เงียบเหงาสิ้นดี"

VDO เพื่อความอรรถรส คลิกจิๆ ..

Taiwan trip "Intro" https://fb.watch/2kcixQJ8og/

Taiwan trip "EP1. Taichung" https://fb.watch/2kcjPftVLy/




WRITER : Deonbi Kim

 
 
 

Comments


096.708.3229

  • facebook
  • twitter
  • linkedin

©2020 by ChangTaluy. Proudly created with Wix.com

bottom of page